
OPPO Zero-Power Tag ได้รับรางวัล Best Inventions of 2023 จากนิตยสาร TIME พร้อมมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน
Zero-Power Tag ของ OPPO ได้รับรางวัล TIME’s list of Best Inventions for 2023 ในประเภทการทดลอง ไดรับรางวัลอันระดับนานาชาติในด้านสิ่งประดิษฐ์
Zero-Power Tag ของ OPPO ได้รับรางวัล TIME’s list of Best Inventions for 2023 ในประเภทการทดลอง ไดรับรางวัลอันระดับนานาชาติในด้านสิ่งประดิษฐ์
OPPO ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก ตอกย้ำพันธกิจ “Technology for Mankind, Kindness for the World” ผ่าน OPPO Inspiration Challenge Regional Demo Event ปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ตามด้วยรอบชิงชนะเลิศที่จะจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในปลายปีนี้ ในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร OPPO ได้ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั่วโลกสามารถแก้ไขปัญหาสังคมที่เร่งด่วนในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมนวัตกรรมที่ทรงคุณค่าไปด้วย โครงการ Inspiration Challenge เป็นรากฐานสำคัญของความพยายามในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ของ OPPO โดยส่งเสริมความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งที่ดียิ่งขึ้น ความท้าทายในปีนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ 2 ประเภท ได้แก่ “Inspiration for the People” และ “Inspiration for the Planet” ซึ่งสอดคล้องกับ Brand Proposition อย่าง “Inspiration Ahead” และการอุทิศตนเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา OPPO ได้พัฒนาด้านความยั่งยืนขององค์กรมากมายจากความสำเร็จของ Inspiration Challenge ปี 2022 ซึ่งมีการนำข้อเสนอโครงการยอดนิยม 18 โครงการมาปรับใช้ โดย OPPO จะยังคงพยายามสานต่อแรงขับเคลื่อนนี้ต่อไป แนวคิดที่สร้างความแตกต่าง OPPO Inspiration Challenge ปี 2023 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีข้อเสนอโครงการทางนวัตกรรมกว่า 687 รายการจาก 66 ประเทศทั่วเอเชียที่ส่งมาจากกลุ่มผู้มีความสามารถที่หลากหลายนี้ ทีมชั้นนำ 5 ทีมจากแต่ละภูมิภาค รวมทั้งหมด 15 ทีม จะเข้าร่วมค่าย Acceleration Camp โดยมีส่วนร่วมในการสนทนาเชิงลึกกับผู้บริหารของ OPPO และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค หนึ่งในข้อเสนอโครงการที่น่าสนใจที่สุด ได้แก่ Flint Paper Battery ของสิงคโปร์ โดย Flint ซึ่งเป็นองค์กรที่นำโดยเยาวชนซึ่งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำของสิงคโปร์เพื่อสร้างแบตเตอรี่กระดาษ คณะกรรมการที่ปรึกษาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และนักนวัตกรรม ซึ่งคอยให้คำแนะนำที่จำเป็นในการพัฒนาแนวคิดนี้ แบตเตอรี่กระดาษที่พัฒนาโดย Flint นำเสนอโซลูชันการจัดเก็บพลังงานที่ยั่งยืนและปลอดภัยแก่อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยสามารถย่อยสลายได้ ใช้งานได้หลากหลาย และช่วยแก้ไขปัญหาที่สำคัญภายในอุตสาหกรรม สิ่งที่ทำให้แบตเตอรี่กระดาษของ Flint แตกต่างจากโซลูชันในตลาดอื่นๆ คือความสามารถในการผลิตโดยใช้วิธีการเดียวกันกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบดั้งเดิม สิ่งนี้ทำให้ต้นทุนการผลิตที่ลดลง อัตราการใช้งานที่รวดเร็วขึ้น และโอกาสในการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น Flint ตั้งเป้าที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทั้งโลกและมนุษยชาติ โดยส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่โลกหมุนเวียนด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่กระดาษ ในขณะเดียวกัน Backyard Creators ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่มาจากอินเดีย ได้พัฒนา Impulse ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ภายนอกที่ช่วยให้ผู้ที่สูญเสียการได้ยินแต่กำเนิดสามารถได้ยินอีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากเครื่องช่วยฟังอาจมีราคาค่อนข้างแพง ซึ่งทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงได้ Backyard Creators จึงพยายามลดอุปสรรคในการเข้าถึงอุปกรณ์สำคัญที่สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับชีวิตของผู้คนกว่า 70 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะนี้ทั่วโลก ท้ายที่สุดแล้ว เราจะสามารถเห็นอนาคตที่ไม่มีเด็กคนใดหูหนวกเนื่องมาจากข้อจำกัดทางการเงินผ่านอุปกรณ์ช่วยฟังที่ราคาไม่แพงและไม่ต้องผ่าตัด แม้ว่า Impulse จะประสบความสำเร็จในการสร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญต่อชีวิตของผู้ป่วยมากกว่า 50 รายที่สูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการผลิตและความสามารถในการปรับขนาดที่สำคัญ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางในการช่วยเหลือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้น ด้วยความตระหนักถึงความจำเป็นในการมีส่วนร่วมกับสตาร์ทอัพที่มีความคิดเหมือนกันมากขึ้น ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการขยายขนาดได้ เช่น ความคุ้มค่าและความพร้อมของทรัพยากร ผู้สร้าง Backyard Creators และผู้เข้ารอบสุดท้ายอย่าง Flint ได้หารือเกี่ยวกับแนวคิดในการขับเคลื่อน Impulse ด้วย Flint Paper Battery ที่ OPPO Inspiration Challenge Regional Demo ในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนนี้ Benew Tech จากประเทศไทยยังได้แบ่งปันสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ใน ERTIGO ซึ่งเป็นโปรแกรมการบำบัดออนไลน์เพื่อป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดเรื้อรัง ทั้งหมดนี้ทำได้ผ่านโซลูชันแอปพลิเคชันบนมือถือที่มีแอนิเมชั่นการดูแลตนเองเชิงโต้ตอบตามหลักสรีระศาสตร์ การตรวจสุขภาพกล้ามเนื้อและท่าทางโดยใช้ AI และการเล่นเกม ซึ่งเชื่อมต่อกับคลินิกกายภาพบำบัดสำหรับแผนการดูแลตนเองเฉพาะบุคคล ปัญหาหลักประการหนึ่งที่นำไปสู่การกำหนดแนวความคิดของ ERTIGO คือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า 80% ของพนักงานเผชิญกับภาวะออฟฟิศซินโดรมซึ่งมักจะนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่ต่ำและปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดย ERTIGO ช่วยให้การรักษา การฟื้นฟู และการป้องกันเข้าถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับทุกคนรวมถึงผู้สูงอายุ เมื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของ OPPO Inspiration Challenge ปี 2023 แล้ว ERTIGO กำลังมองหาการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญของ OPPO ผู้มีประสบการณ์หลายปีในการวิจัยและพัฒนาอัลกอริธึมของแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยให้ Benew Tech สามารถใช้ความรู้เพื่อพัฒนาแอปฯ ต่อไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการมองเห็นโซลูชันทั่วโลก และลดความไม่เท่าเทียมกันด้านการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม ในขณะที่ Flint, Backyard Creators และ Benew Tech มาจากหลายประเทศ ต่างก็จัดการกับปัญหาที่แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ค่าใช้จ่ายสูงในการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด และผู้ที่เจ็บป่วยอาการออฟฟิศซินโดรม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาร่วมกับ OPPO มุ่งหน้าผ่านการใช้เทคโนโลยีช่วยพัฒนามนุษยชาติ OPPO ตั้งตารอที่จะมอบ ‘Inspiration Ahead’ ผ่านความท้าทายด้านแรงบันดาลใจนี้และในอนาคต โดยกระตุ้นให้เกิดผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนแก่คนรุ่นใหม่ ความมุ่งมั่นของ OPPO สู่ความยั่งยืน OPPO Inspiration Challenge เป็นเพียงหนึ่งในโครงการริเริ่มมากมายที่นำโดย OPPO ที่ไม่เพียงแต่จะมีความยั่งยืนมากขึ้นในฐานะบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ผ่านนวัตกรรม เมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่งาน MWC 2023 OPPO ได้เผยแพร่รายงาน OPPO Climate Action Report: Climate Pledges and Low Carbon Development Strategy รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า OPPO ให้คำมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานทั่วโลกภายในปี 2593 ด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคจาก Deloitte ที่ปรึกษาระดับโลก รายงานสรุปประเด็นสำคัญ 5 ประการที่ OPPO จะดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ได้แก่ การผลิตที่มีคาร์บอนต่ำ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การลงทุนทางเลือกที่สร้างคาร์บอนน้อยลง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอน และความร่วมมือด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมุ่งมั่นของบริษัทต่อความยั่งยืนแสดงให้เห็นเพิ่มเติมผ่านรายงานความยั่งยืนประจำปี 2022 ซึ่งเผยแพร่ในวันสิ่งแวดล้อมโลกในวันที่ 5 มิถุนายนปีนี้ ตั้งแต่ปี 2020 OPPO ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนในแต่ละปีเพื่อเปิดเผยแผนงานและความคืบหน้าเชิงปฏิบัติสู่เป้าหมายความยั่งยืนต่อสาธารณะ รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าที่สำคัญของ OPPO ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของ OPPO ในการสร้างความยั่งยืนในฐานะพลเมืององค์กรระดับโลก ประเด็นสำคัญ 5 ประการของรายงานมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การดูแลพนักงาน นวัตกรรมที่ทรงคุณค่า และการมีส่วนร่วมของระบบนิเวศ เมื่อปีที่แล้ว OPPO ได้เปิดตัว OPPO AndesBrain (Binhaiwan Bay) IDC ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่สร้างขึ้นเองแห่งแรกของแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกที่ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% โดยตั้งแต่ปี 2022 ศูนย์ข้อมูลได้ใช้พลังงานหมุนเวียน 6.176 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซได้ 3,600 tCO2e นอกเหนือจากการใช้พลังงานทดแทน 100% แล้ว OPPO AndesBrain IDC ยังได้สำรวจและใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำที่ล้ำหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ดังนั้น OPPO AndesBrain IDC จึงเป็นตัวอย่างของความทุ่มเทของแบรนด์ในการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมทางธุรกิจ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และลงทุนระยะยาวในการรักษาโลก นอกเหนือจากรายงานความยั่งยืนและศูนย์ข้อมูลแล้ว OPPO ยังมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนผ่านการบูรณาการทางดิจิทัลในทุกกลุ่มอายุ เนื่องจากปัจจุบันนี้ เด็กๆ มีพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ตโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การแนะนำวิธีการใช้สมาร์ตโฟนให้ถูกวิธีจึงเป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นในปีที่แล้ว OPPO จึงได้เปิดตัว ColorOS13 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Kids Space ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆ ใช้แอปเกมมากเกินไป และสำหรับผู้ใช้สูงอายุ โหมด Simple บนสมาร์ตโฟน OPPO ก็ยังช่วยมอบประสบการณ์ที่ใช้งานได้ง่ายด้วยไอคอนและแบบอักษรที่ใหญ่ขึ้น และเดสก์ท็อปที่เรียบง่าย เส้นทางสู่ความยั่งยืนย่อมต้องพบกับความท้าทาย แต่ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ OPPO ที่มีต่อ “Technology for Mankind, Kindness for the World” จะช่วยขับเคลื่อนแนวปฏิบัติ CSR ในระยะยาว ด้วยการส่งเสริมนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ และสร้างประโยชน์ให้กับโลก โดย OPPO จะยังคงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อไป สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ OPPO และ Inspiration Challenge ได้ทาง https://www.oppo.com/en/proposal/
OPPO A17 สมาร์ตโฟนน้องเล็กพร้อมมอบประสบการณ์ใช้งานที่คุ้มค่ากว่าและราคาโดนใจยิ่งขึ้น ด้วยราคาใหม่สุดพิเศษ 4,599 บาท จากราคาปกติ 5,499 บาท
OPPO Find N2 Flip ได้มีการอัปเดตวิดเจ็ตหน้าจอด้านนอกให้สามารถรองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Line และ TikTok ได้แล้ว โดยสามารถรับสายเรียกเข้าและโทรออกที่หน้าจอด้านนนอกได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ
สมาร์ตโฟนราคาคุ้มค่า มาพร้อม RAM 6GB เพิ่มหน่วยความจำได้อีก 6GB พร้อม ROM 128GB และลำโพงสเตอริโอคู่ พร้อมให้คุณใช้งานเต็มพิกัด ทุกความบันเทิง
OPPO ครองส่วนแบ่ง 10% ของตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลกในครึ่งปีแรก โดยมียอดส่งออก 51.9 ล้านเครื่อง และครองส่วนแบ่ง 18% ในตลาดสมาร์ตโฟนจีน
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ “OPPO Reno10 Series 5G” หลังเปิดตัวแรง กระแสตอบรับดีเยี่ยมกวาดยอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ตโฟนช่วงราคา 10,000 – 20,000 บาท ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย เปิดตัวแรง ยอดขายพุ่งกระฉูด! OPPO Reno10 Series 5G สมาร์ตโฟน The Portrait Expert ที่มาพร้อมกับกล้อง Telephoto Portrait Camera กล้องพอร์ตเทรตซูมได้เป็นครั้งแรกในสมาร์ตโฟนราคาระดับกลาง ให้ภาพพอร์ตเทรตที่คมชัดไปอีกขั้น โดยวางจำหน่ายใน 3 รุ่นได้แก่ OPPO Reno10 5G ราคา 13,990 บาท, OPPO Reno10 Pro 5G ราคา 17,990 บาท และ OPPO Reno10 Pro+ 5G ราคา 27,990 บาท โดย OPPO Reno10 Series 5G ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกิดคาดทั้งจากสื่อมวลชน ลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยบรรยากาศในงาน OPPO Reno10 Series 5G First Sale Event ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิตเป็นไปอย่างคึกคัก มีการจัดพื้นที่ให้แฟนๆ ออปโป้ได้มาต่อคิวรับเครื่องวันแรกพร้อมรับของสมนาคุณสุดพิเศษ พร้อมเต็มอิ่มไปกับมินิคอนเสิร์ตจากวงบอยแบนด์สุดฮอต Proxie ที่รอบนี้ขนเพลย์ลิสต์เพลงมาแบบจัดเต็มสร้างสีสันให้กับแฟนๆ ที่มารอรับชนกันแบบเต็มอิ่ม พร้อมส่งมอบประสบการณ์การใช้งาน OPPO Reno10 Series 5G อย่างเต็มรูปแบบ OPPO Reno10 Series 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดมาพร้อมกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ มอบการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ใกล้กว่า โดดเด่นกว่า โดย OPPO Reno10 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นแรกในอุตสาหกรรมที่มาพร้อมกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ ถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบซูมออปติคอลได้ถึง 2 เท่า ทำให้ได้ภาพตัวแบบที่ใกลและโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมเซ็นเซอร์ RGBW IMX709 ขนาดใหญ่จับภาพที่มีความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟนกลุ่มราคานี้ พร้อมระบบกล้องอันทรงพลัง Ultra-Clear Portrait Camera ประกอบด้วยระบบกล้องหลัก 64MP Ultra-Clear Main Camera, กล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera พร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX709, กล้อง 8MP Ultra Wide Angle 112° และกล้องเซลฟี่ 32MP Ultra-Clear Selfie Camera ที่ผสานการทำงานร่วมกันเพื่อภาพถ่ายพอร์ตเทรตอันยอดเยี่ยมเพียงคลิกเดียว พร้อมแมทช์ทุกลุคสวยด้วยดีไซน์ระดับพรีเมียม 3D Dual – Curved มาพร้อมหน้าจอ AMOLED 3D Curved ขนาด 6.7 นิ้ว ขอบจอโค้งบางเฉียบรับการจับถือได้อย่างสบายมือ และอัตราการรีเฟรชสูงพิเศษถึง 120Hz มอบประสบการณ์ การรับชมภาพที่ลื่นไหล มาใน 2 สีใหม่สะดุดตา ได้แก่ สีฟ้า Ice Blue และ สีเทา Silvery Grey นอกจากนี้ OPPO Reno10 5G ยังมาพร้อมประสิทธิภาพทรงพลังลื่นไหลรอบด้านด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh มาพร้อมระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOCTM ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดวัน OPPO Reno10 Pro 5G โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพที่ก้าวไปอีกขั้นด้วย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว 80W SUPERVOOCTM ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ในเวลาเพียง 28 นาที พร้อมชิปการจัดการพลังงานเอกสิทธิ์ของบริษัท SUPERVOOC S ที่ใช้ในสมาร์ตโฟนตระกูล Reno Series เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ช่วยลดพื้นที่ใช้สอยของส่วนประกอบในการชาร์จได้รวดเร็วถึง 45% ในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพการคายประจุแบตเตอรี่เป็น 99.5% สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่เป็นที่สุดของ The Portrait Expert มาใน 2 สีพรีเมียมอย่าง สีม่วง Glossy Purple และ สีเทา Silvery Grey OPPO Reno10 Pro+ 5G สมาร์ตโฟนที่ถ่ายพอร์ตเทรตสวยที่สุดแห่งปีด้วยพลังของกล้อง 64MP Telephoto Portrait Camera ระดับโปรที่สามารถซูมออปติคอลสูงสุดถึง 3 เท่า พร้อมด้วยกล้อง Periscope Telephoto สเปคสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ชาร์จไวระดับแฟลกชิปเร็วที่สุดใน Reno Series ด้วย 100W SUPERVOOCTM สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 1% ถึง 50% ได้ภายใน 9.30 นาที และยังมีชิปการจัดการพลังงานของ SUPERVOOC S เช่นเดียวกัน โดยทั้ง 2 รุ่นมาในดีไซน์แบบ 3D Dual – Curved ขอบจอและตัวเครื่องบางเฉียบ ในสีใหม่มีเสน่ห์ระดับไฮเอนด์ ได้แก่ สีม่วง Glossy Purple และสีเทา Silvery Grey เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้กับ OPPO Reno10 Series 5G สมาร์ตโฟน The Portrait Expert ครั้งแรกที่มาพร้อมกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ วางจำหน่ายใน 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno10 5G วางจำหน่ายในราคา 13,990 บาท , OPPO Reno10 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาท และ OPPO Reno10 Pro+ 5G วางจำหน่ายในราคา 27,990 บาท และพิเศษเมื่อซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่าย AIS ,dtac และ true รับส่วนลดสูงสุด 8,100 บาท สามารถไปทดลองสัมผัสและเป็นเจ้าของได้แล้วที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/3DkqGVo
สมาร์ตโฟน The Portrait Expert ครั้งแรกในสมาร์ตโฟนระดับกลางที่มาพร้อมกับ Telephoto Portrait Camera กล้องพอร์ตเทรตซูมได้